ความหมายของ คัพเสื้อใน ก็คือขนาดของยกทรงนั่นเอง
โดยยกทรงจะมีการวัดเป็น 2 ขนาด คือ ขนาดของคัพ และขนาดของรอบอก
ซึ่งทั่วไปแล้วการวัดขนาดของยกทรงจะมีระบบที่แตกต่างกันไป โดยมี 2 ระบบ
ก็คือ วัดเป็นเซนติเมตร และวัดเป็นนิ้ว
และจะแบ่งย่อยออกเป็นคัพ A, B, C, D, E
เรียงจากขนาดหน้าอกเล็กและใหญ่ไปตามลำดับ
ซึ่งการวัดขนาดของยกทรงในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่มักจะใช้ระบบเซนติเมตรเป็นหลัก
ทั้งนี้ คัพเสื้อใน ดูยังไง สาว ๆ สามารถดูได้จากป้ายตัวเลขระบุไซส์ที่ติดไว้กับชุดชั้นในได้เลย
ตัวอย่างเช่น A65, B70 หรือ 30A, 32B หรือ 36/80 A, 34/75 B, 32/70 C เป็นต้น
สำหรับวิธีวัดขนาดเสื้อชั้นใน สาว ๆ สามารถวัดได้ด้วยตัวเอง โดยมีขั้นตอน 3 สเต็ปง่าย ๆ ดังนี้
1. ยืนตรงแล้วใช้สายวัดตัว (หน่วยเซนติเมตร) วัดตำแหน่งรอบอก โดยให้สายวัดผ่านจุดหัวถันทั้ง 2 ข้าง
และต้องวัดให้พอดีตัวไม่รัดแน่นหรือหลวมจนเกินไป
2. ใช้สายวัดวัดรอบใต้อกอีกครั้ง (หน่วยเซนติเมตร) โดยการวัดจุดนี้จะบอกถึงขนาดของลำตัว
3. เมื่อได้ค่าวัดทั้ง 2 จุดแล้ว ให้นำมาคำนวณเปรียบเทียบไซส์ตามนี้...
สูตรคำนวณง่าย ๆ เพื่อหาขนาดคัพและไซส์ของยกทรง (* หน่วยวัดเป็นเซนติเมตร)
ขนาดคัพ = ผลต่างของรอบอก (ลบ) รอบใต้อก...เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ
ไซส์หน้าอก = ผลที่ได้จากการวัดรอบใต้อก...เป็นตัวเลข
เทียบขนาดคัพ
9.0-11.0 ซม. = คัพ A
11.5-13.5 ซม. = คัพ B
14.0-16.0 ซม. = คัพ C
16.5-18.5 ซม. = คัพ D
19.0-21.0 ซม. = คัพ E
21.5 ซม. ขึ้นไป = มากกว่าคัพ E
เทียบขนาดไซส์หน้าอก
63.0-67.0 ซม. = ไซส์ 65 ซม. หรือ 30 นิ้ว
68.0-72.0 ซม. = ไซส์ 70 ซม. หรือ 32 นิ้ว
73.0-77.0 ซม. = ไซส์ 75 ซม. หรือ 34 นิ้ว
78.0-82.0 ซม. = ไซส์ 80 ซม. หรือ 36 นิ้ว
83.0-87.0 ซม. = ไซส์ 85 ซม. หรือ 38 นิ้ว
88.0-92.0 ซม. = ไซส์ 90 ซม. หรือ 40 นิ้ว
93.0-97.0 ซม. = ไซส์ 95 ซม. หรือ 42 นิ้ว
98 .0-102 ซม. = ไซส์ 100 ซม. หรือ 44 นิ้ว
103.0-107 ซม. = ไซส์ 105 ซม. หรือ 46 นิ้ว
ตัวอักษร (A, B, C, D หรือ E) จึงสำคัญกว่าตัวเลข 32, 36, 38 หรือ 40